"กูรู้สึกว่าเราสองคนแข่งกันอยู่ตลอดเวลาเลยว่ะ"
เพื่อนคนนึงพูดประโยคนี้ด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ เมื่อความรักของมันกลายเป็นเหมือนการลงสนามที่ทั้งสองฝ่ายต่างฟาดฟันกันเพื่อหาจังหวะเอาชนะกัน
แล้วมันแข่งอะไรกันวะ?
จากรักที่ปกติในช่วงแรก สู่ความคาดหวังต่อคนที่เรารักในช่วงถัดมา เราเริ่มเกิดคำถามว่าทำไมเค้าถึงไม่ทำอย่างนั้น ไม่เป็นอย่างนั้น ต่างฝ่ายต่างคิดว่าตัวเองทำเต็มที่แล้ว ปรับตัวเต็มที่แล้ว และรักใครคนนึงอย่างเต็มที่แล้ว
แต่ทำไมเค้าถึงไม่ทำให้เรา เท่ากับที่เราทำให้เค้า
ความคิดแบบนี้อาจเกิดกันได้กับทุกคู่เมื่อความสัมพันธ์เริ่มยาวนาน และสุดท้ายปัญหาของมันก็อยู่ที่คนสองคนกลับเก็บความคาดหวังนั้นไว้โดยไม่บอกกันตรงๆ เพราะ ณ จุดนี้ เราอยากได้สิ่งที่ต้องการ
มากพอๆกับที่เราไม่อยากบอกมันออกไป
การบอกตรงๆ ทำให้เรารู้สึกผิดที่เราบังคับคนที่เรารักให้ต้องเป็นในแบบที่เราอยากให้เป็น ความก้ำๆกึ่งๆของความสัมพันธ์และความเห็นแก่ตัว ทำให้เราเลือกบอกกันทางอ้อมด้วยการกระทำบางอย่างที่เรา Hint ใส่กันไปมา สุดท้ายสงครามเย็นจากความคาดหวังก็เกิดขึ้น
แล้วเราก็แบ่งทีมกันในที่สุด
ถึงจุดหนึ่งในชีวิตคู่จะเป็นเหมือนเกมส์ เกมส์ที่เราจะเอาชนะกันไปมาเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการ มีลูกล่อลูกชนเพื่อจะเปลี่ยนอีกฝั่งให้เป็นคนในความคาดหวังของเรา
เพื่อนอีกคนพูดขึ้นมาว่า
"ถ้ามึงไม่อยากแข่งกับเค้าก็เลิกแข่ง มีสองทาง ทางนึงคือยอมแพ้"
"กับอีกทางอะ?"
"มึงก็ย้ายไปอยู่ทีมเดียวกันไงคะ"
เวลาเราเล่นฟุตบอล เป้าหมายของเราคือแย่งกันเตะลูกบอลเข้าโกลล์ เราทำทุกวิถีทางเพื่อยิงใส่ฝั่งตรงข้ามเพราะเอาแต่ชัยชนะของตัวเอง เราต่างกระทบกระทั่งกัน ชนกัน
แต่ถ้าเราอยู่ทีมเดียวกัน เราก็จะร่วมมือกันเพื่อยิงเข้าโกลล์เดียวกัน
สิ่งสำคัญที่เพื่อนบอก คือความสำคัญของการเป็นทีมเดียวกันในชีวิตคู่ การเป็นทีมเดียวกันหมายถึงการมองเป้าหมายเดียวกัน ประคับประคองกัน และเห็นใจดูแลซึ่งกันและกัน
เปลี่ยนจากคาดหวังเป็นการร่วมแชร์ความหวังให้ต่างคนต่างรู้ซึ่งกันและกัน เมื่อเราอยู่ทีมเดียวกัน เป้าหมายคือชนะร่วมกัน
เรียนรู้ที่จะแชร์ความคาดหวังซึ่งกันและกันในทีม เพื่อค้นหาแทคติกที่จะทำให้สมหวังไปด้วยกัน
รัก
ช่า บันทึกของตุ๊ด